วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

HyAds Hilife

















สนใจสอบถามรายละเอียดได้ค่ะ
โทร.087-3000206....087-7738868

สนใจสอบถามรายละเอียดได้ค่ะ
โทร.087-3000206....087-7738868
Line.nuauyzaa
Ig.auy6429.....
Jack : 084-722-4085 Line : jackham 14

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

น้ำผักผลไม้

น้ำกระเจี๊ยบแดง

น้ำกระเจี๊ยบแดง    น้ำจากผักผลไม้ มีประโยชน์มากมาย นอกจากดื่มดับกระหายแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกด้วย น้ำกระเจี๊ยบ เป็นเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะมีวิตามินซีสูง มีรสเปรี้ยว ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปล่า เพื่อเอาใจคุณสาวๆ tsgclub  มีสูตรทำน้ำกระเจี๊ยบมาฝาก ค่ะ
 น้ำกระเจี๊ยบแดง   

ส่วนผสม  

ดอกกระเจี๊ยบแห้ง  1  ถ้วย  น้ำสะอาด  4

น้ำสะอาด  4  ถ้วย

น้ำตาลทรายแดง  1  ถ้วย

 วิธีทำน้ำกระเจี๊ยบแดง

1.  ล้างดอกกระเจี๊ยบแห้งด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดแล้วพักไว้

2. ใส่น้ำลงในหม้อเคลือบ  ตั้งไฟพอเดือด ใส่กระเจี๊ยบต้มจนออกสีแดง และเนื้อกระเจี๊ยบนุ่มสีจางลง  เติมน้ำให้มีระดับเท่าเดิม จากนั้นกรองเอาแต่น้ำกระเจี๊ยบสีแดงสดน้ำขึ้นตั้งไฟต่อ

3.  ใส่น้ำตาล  เคี่้ยวไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายหมด แล้วยกหม้อเคลือบลงทิ้งให้เย็น จะได้น้ำกระเจี๊ยบสีม่วงแดง รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม น่าดื่ม เทใส่ขวาดสะอาดที่ต้มในน้ำร้อนแ้ล้ว 20 นาที แช่เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานหลายวัน  เวลาดื่มให้เติมน้ำแข็งบดเพิ่มความเย็นสดชื่นได้อีก


ประโยชน์ และสรรพคุณของเตยหอม  พืชผักสมุนไพรที่อยู่รอบๆ ตัวเราหลากหลายชนิด มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการบำรุงรักษาสุขภาพ  ใบเตย หรือเตยหอมก็นเป็ฺนพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคูณและประโยชน์มากมาย วันนี้ tsgclub มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเตยหอม มาฝากค่ะ

ประโยชน์ และสรรพคุณของเตยหอม
ประโยชน์ และสรรพคุณของเตยหอม
ใบเตยเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย ใบเตยสดสะอาดนำมาคั้น หรือกรองด้วยเครื่องบดกาก ได้น้ำสีเขียว สามารถนำมาแต่งกลิ่นแต่งสีของขนม เช่นลอดช่อง เปียกปูน ใบเตยสดน้ำมาต้มกับน้ำเชื่อมทำให้มีกลิ่นหอม หรือจะใส่ในหม้อข้าวก็ทำให้ข้าวมีกลิ่นหอม นอกจากนัึ้นใบเตยยังนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้อีกด้วย

 ประโยชน์ของผักผลไม้ ที่คุณอาจไม่ทราบ  เชื่อว่าหลายคน ทราบดีอยู่แล้ว ว่าผักผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เป็นในลักษณะองค์รวม ซึ่งหากเลือกทานผักผลไม้ให้เหมาะกับสภาพร่างกายในเวลานั้นๆ ก็จะมีประโยชน์มากขึ้นและยังสามารถนำเอาน้ำผักผลไม้มาบำบัดรักษาโรคด้วยวิธีง่ายๆ ได้มากมาย ซึ่ง tsgclub มีข้อมูลดีๆ มาให้อ่านกันค่ะ

ประโยชน์ของผักผลไม้ ที่คุณอาจไม่ทราบ
ประโยชน์ของผักผลไม้ ที่คุณอาจไม่ทราบ

ผักและผลไม้  นิยมนำมาใช้ทั้งในรูปแบบอาหาร ของว่าง เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น และบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้ ดังนี้

ผักผลไม้บำรุงกระดูกและฟัน  เนื่องจากกระดูกและฟัน มีความต้องแคลเซียมในแต่ละวันอย่างพอเพียง เพื่อช่วยสร้างกระดูกในวัยเด็กและเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกในวัยผู้ใหญ่และวัยชรา  ผักผลไม้ที่มีปริมาณแคลเซียมสูง ได้ มะขาม ใบบัวบก เตยหอม แตงไทย ยอ ใบชะพลู มะดัน กะเพรา คะน้า ถั่วเหลือง และขึ้นฉ่าย เป็นต้น
ดื่มน้ำมะนาว เพื่อสุขภาพ  อากาศที่ร้อนอบอ้าว การได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจก็จะช่วยให้ร่างกายรู้สึสดชื่น โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ทำจากผักผลไม้ ซึ่งนอกจากทำให้แก้กระหายและรู้สึกสดชื่นแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอีกด้วย  วันนี้ tsgclub ก็มีเมนู น้ำมะนาว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาแนะนำค่ะ

ดื่มน้ำมะนาว เพื่อสุขภาพ
ดื่มน้ำมะนาว เพื่อสุขภาพ
มะนาว เป็นพืชที่มากด้วยคุณประโยชน์   น้ำจากมะนาวใช้ปรุงรสอาหารให้มีรสเปรี้ยว ใช้ได้ทั้งเปลือกและน้ำ ใช้ดองปรุงอาหาร และทำเป็นน้ำผลไม้  ซึ่งน้ำมะนาว มีวิธีการและขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

ข้อควรระวังในการทำน้ำผัก น้ำผลไม้  อาหารรวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของผักและผลไม้กำลังได้รับความนิยม เพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และผิวพรรณของสาวๆ  สูตรอาหารที่ทำจากผักผลไม้ โดยเฉพาะเครื่องดื่มมีวิธีทำง่ายๆ แต่ึุสาวๆ tsgclub  รู้หรือไม่ค่ะ ว่าในประโยชน์เหล่านั้นก็มีอันตรายแฝงอยู่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

ข้อควรระวังในการทำน้ำผัก น้ำผลไม้
ข้อควรระวังในการทำน้ำผัก น้ำผลไม้

การทำน้ำผักผลไม้  ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณสาวๆ เพราะมีส่วนประกอบและวิธีทำง่ายๆ อีกทั้งยังมีการถ่ายทอดวิธีทำออกตามสื่อต่างๆ แต่ส่วนหนึ่งที่เราไม่ทราบและเป็นขั้นตอนที่หลายคนมองข้าม ทำให้ประโยชน์ที่ได้รับจากการทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มจากผักผลไม้เหล่านั้นไม่สมบูรณ์ และยังอาจมีสารพิษเจือปนมาอีกด้วย
อาหารเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งของการดำรงชีวิต แต่รู้ไหมว่าอาหารบางชนิดก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่บางชนิดกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย วันนี้ ทีเอสจีคลับ จะมาเสนอ 5 สุดยอดอาหารเพื่อผิวสวย เพื่อเอาใจคุณผู้หญิง มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง

   เนื้อปลา

เนื้อปลาถือว่าเป็นสุดยอดของอาหารจำพวกเนื้อที่เหมาะสำหรับสาวๆเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเนื้อที่มีไขมันต่ำ ไม่มีคลอเรสเตอรอล มีโปรตีนสูง มีสารเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของร่างกาย

   น้ำมันมะกอก

เป็นน้ำมันจากพืช ซึ่งประกอบไปด้วยวิตามอนเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้แกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ผิวดูอ่อนวัย มีความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม แถมยังช่วยป้องกันมะเร็งอีกด้วย



   เมล็ดข้าวและธัญพืช

ธัญพืชเป็นอาหารที่กำลังฮิตมากในกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ เพราะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ใยอาหาร โฟแทสเซียม และสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ที่จะช่วยบำรุงผิวให้คุณผู้หญิงจากภายในสู่ภายนอก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและปกป้องผิวจากมลภาวะ

   ผลไม้และผักสด

ผักสดและผลไม้ เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวไม่แห้งกร้าน และยังมีวิตามินอีที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเส้นใย ลดริ้วรอย และคอลลาเจนที่ทำให้ผิวดูเต่งตึงและมีความยืดหยุ่น


   น้ำเปล่า

น้ำเปล่าถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ร่างกายจะขาดไม่ได้ เพราะน้ำเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยร่างกายของคนเรานั้นจะประกอบไปด้วยน้ำ 3 ใน 4 ส่วน โดยคุณผู้หญิงจะต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส และ แห้งกร้าน

หากสาวๆท่านใดอยากมีผิวพรรณที่สวยขาว ก็อย่าลืมทานอาหาร 5 อย่างที่ว่ามานี้นะคะ


  

 แก้วมังกรมีดีกว่าที่คุณคิด วันนี้ TSC club จะมาเจาะลึกลงไปถึงข้างในของแก้วมังกรว่าผลไม้ชนิดนี้มีดีอย่างไร
1. เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส วินามินซี
2. เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์ หรือใยอาหารในปริมาณที่สูง ช่วยบำรุงระบบขับถ่ายของร่างกาย
3. มีสารที่เรียกว่า Complex Polysaccharides ซึ่งช่วยลดการดูดซึมไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์
4. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
5. ในเมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วย ไขมันไม่อิ่มตัว ที่ช่วยต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น
6. เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เพราะเป็นผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ สามารถทานได้ในปริมาณที่มากโดยไม่ทำให้อ้วน ใยอาหารสูง แคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย อาหารในอุดมคติขงผู้ที่ต้องการลดความอ้วนชัดๆ
รู้แบบนี้แล้วสาวๆ คงจะต้องลองหาแก้วมังกรมาทานดูได้เลยนะครับ รับลองว่าแก้วมังกรจะไม่ทำให้สาวๆทุกคนผิดหวัง





วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ผลไม้ตระกูลเบอรี่ไทยต้านมะเร็ง

ผลไม้ตระกูลเบอรี่ไทยต้านมะเร็ง

ในปัจจุบันมีผลการศึกษาวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า ผลไม้ในกลุ่มของ เบอรี่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิตในผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้เบอรี่ยังช่วยบำรุงสมองและความจำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง และที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากคือ เบอรี่สามารถต้านชราได้
ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เมื่อนึกถึงผลไม้ในกลุ่มเบอรี่ ทั้งหลาย คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่ผลไม้ที่มีชื่อลงท้ายด้วยเบอรี่ เช่น สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ เชอรี่ ราสเบอรี่ แครนเบอรี่ แบล็กเบอรี่ โดยที่จะมองข้ามในสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวของเรา ซึ่งในประเทศไทยก็มีผลไม้ในกลุ่มเบอรี่อยู่มากมาย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยได้มีการนำมาศึกษาวิจัยทดลองให้ผลสนับสนุนแล้วว่ามีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่าผลไม้กลุ่มเบอรี่ของต่างประเทศเลย
ผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอรี่ที่เป็นผลไม้ไทย ก็ได้แก่
- ลูกหว้า เป็นผลไม้ที่เมื่อสุกจะมีผลสีม่วงเข้มจนถึงดำคล้ายองุ่นรสชาติจะออกหวานและมีรสฝาดเล็กน้อย นิยมนำมาทำแปรรูปเป็นน้ำลูกหว้า เยลลี่ และแยม สารที่มีอยู่ในลูกหว้าจะเป็น สารกลุ่มแอนโธไซยานิน (ไซยานิดิน) กรดเอลลาจิก กรดเฟอรูลิก ซึ่งสารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านฤทธิ์ของสารก่อ มะเร็ง โดยพบว่า สามารถยับยั้งเซลล์ มะเร็งลำไส้ มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านม ได้

- ชนิดต่อมาคือ มะเกี๋ยง พบมากทางตอนเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และน่าน โดยผลจะคล้ายคลึงกันกับลูกหว้า แต่มีขนาดที่เล็กกว่าและมีสีออกม่วงแดง ส่วนรสออกเปรี้ยวมากกว่าลูกหว้า จากการศึกษาพบว่า ผลของมะเกี๋ยง มีสารพฤกษเคมีที่สำคัญอยู่หลายตัว เช่น สารประกอบฟีนอลิก ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ 
 “จากการทดสอบหาค่าของสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในอาหารแต่ละชนิดที่เรียกว่า The ORAC test หรือ Oxygen Radical Absorbance Capacity ซึ่งเป็นค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหาร อาหารที่มีค่า ORAC สูงสามารถปกป้องเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลายเสียหายจากกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งฃร่างกาย”
มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอรี่เช่นกัน ลักษณะเป็นผลสีเขียว จัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรพื้นบ้านที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน รสชาติออกเปรี้ยวฝาด ๆ ตามตำราแพทย์พื้นบ้านจะนิยมนำมารักษาอาการไข้หวัด แก้เจ็บคอ ละลายเสมหะเมื่อศึกษาดูสารที่มีอยู่ในมะขามป้อมแล้วพบว่า มะขามป้อมมีปริมาณของวิตามินซีสูง โดยในผลมะขามป้อม 1 ผลจะมีวิตามินซีมากกว่าส้ม 2 ลูก และยังพบสารพฤกษเคมีอื่น เช่น สารกลุ่มแทนนิน เบนซินอยด์ เทอร์ปีน ฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ คูมาริน ที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของร่างกาย สามารถช่วยลดการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
นอกจากนี้ยังพบว่า การรับประทานมะขามป้อมเป็นประจำจะช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือแอลดีแอล รวมถึง ไตรกลีเซอไรด์ จึงถือว่า เป็นการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และเมื่อไม่นานมานี้มีการศึกษาถึงแนวคิดว่า สารสกัดจากมะขามป้อมจะช่วยลดการเกิดเซลล์ มะเร็ง โดยสามารถลดการเกิดเซลล์มะเร็ง ได้แล้วในสัตว์ทดลอง
ลูกหม่อน ปัจจุบันมีการนำเอาผลมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยผลสุกของลูกหม่อนจะมีสีออกม่วงแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว เมื่อเปรียบเทียบกับบลูเบอรี่ที่เป็นที่นิยมในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระแล้วลูกหม่อนของไทยหากเทียบในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน จะพบว่า ลูกหม่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าบลูเบอรี่ 2-3 เท่า ซึ่งสารที่พบ คือ สารในกลุ่มโพลีฟีนอล แอนโทไซยานิน และเรสเวอราทอล สารต้าน อนุมูลอิสระ กลุ่มนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็ง
 “ลูกหม่อนเป็นผลไม้ที่มีกรดไขมันที่จำเป็น คือ โอลิอิกและไลโนลิอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ในระบบประสาทและสมองช่วยให้ความจำดีขึ้น ยังมีการศึกษาว่า สารสกัดจากลูกหม่อนช่วยควบคุมความหิวทำให้ช่วยควบคุมน้ำหนัก อีกทั้งยังมีการนำเอาใบหม่อนมาทำเป็นชา โดยพบว่า การดื่มชาใบหม่อนเป็นประจำจะช่วยลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้”
- มะยม เป็นผลไม้รสเปรี้ยว นิยมนำมารับประทานโดยการนำมาทำตำมะยม ใส่ในน้ำพริกเพื่อให้ออกรสเปรี้ยว และปัจจุบันนิยมนำมาทำเป็นแยมส่งออกต่างประเทศ เพราะมะยมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น สารในกลุ่มแทนนินที่ช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง ช่วยลดการเกิดการอักเสบในร่างกาย
รวมทั้งมีใยอาหารสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติและลดการสะสมของของเสียในลำไส้ ทั้งนี้ เนื่องจากใยอาหารในมะยมมีทั้งชนิดที่ไม่ละลายน้ำและละลายน้ำ โดยใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลจึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด มีการใช้มะยมในผู้ที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังจากได้รับประทานมะยมแล้วจะมีอาการดีขึ้น ดร.ฉัตรภา กล่าวต่อว่า มะเม่าหรือหมากเม่า จัดเป็นผลไม้ไทยในตระกูลเบอรี่ที่พบมากในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ทำไวน์ และแยม มะเม่านอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงเหมือนกับผลไม้ในตระกูลเบอรี่ทั้งหลายแล้ว มะเม่ายังมีแร่ธาตุเหล็กสูงซึ่งทางตำรายาไทยจะใช้รักษาภาวะโลหิตจางและบำรุงเลือด
-  โทงเทงฝรั่งหรือเคพกูสเบอรี่ ผลไม้ขนาดเล็กสีเหลืองทอง มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอมเฉพาะ เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกันกับมะเขือ โดยข้างในผลจะมีเมล็ดเล็ก ๆ อยู่มากมาย สารอาหารสำคัญที่พบ คือ เบต้าแคโรทีนซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกายจึงช่วยในเรื่องการมองเห็น ทำให้ผิวพรรณดี นอกจากนี้ยังมีสารกลุ่มไฟโตรสเตอรอลที่ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกายส่งผลให้ลดระดับคอเลสเตอรอลส่วนเกิน และบริเวณเปลือกของโทงเทงฝรั่งยังมีใยอาหารประ เภทเพคตินที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
มาที่ เชอรี่ไทย ผลไม้สีแดงสด รสเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ในหนึ่งลูกจะแบ่งออกเป็น 3 พู นิยมนำมาแปรรูปเป็นไอศกรีม เชอร์เบท แยม สารที่มีอยู่ในเชอรี่ไทย คือ สารในกลุ่มแอนโธไซยานินมีส่วนช่วยในการลดการอับเสบ การเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารกลุ่มแอนโธไซยานินเป็นประจำจะมีอารมณ์ดี และรู้สึกกระปรี้กระ เปร่า ยังมีการใช้เชอรี่ไทยในผู้ที่มีอาการท้องผูกเพื่อเป็นตัวที่ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
ตะขบ เป็นต้นไม้ที่ขึ้นง่ายพบได้ทั่วไปในบริเวณทุกภาคของประเทศไทย ตะขบถือว่าเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงชนิดหนึ่ง โดยใน 100 กรัมหรือประมาณ 25 ผล จะมีใยอาหารมากกว่า 6 กรัม ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 25 กรัม การกินตะขบ 1 ถ้วยเท่ากับได้ปริมาณ 1 ใน 4 ของใยอาหารที่แนะนำแล้ว
 “จากการศึกษาพบว่า ตะขบมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ ตะขบจะมีสารที่ให้สีแดงคือสารไลโคปีน กรดเอลลาจิก แอนโธไซยานิน และกรดแกลลิก ที่ช่วยทำให้ระบบการทำงานของต่อมลูกหมากดีขึ้น ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด รวมถึงปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยดูแลหัวใจ นอกจากนี้ แพทย์แผนไทยยังใช้ตะขบในการรักษาอาการไข้ และเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย”
ที่มา : http://aoseiei.exteen.com/

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


10 สถานที่ดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก


Papagayo Peninsula – สาธารณรัฐคอสตาริก้า 

 

นายทิม ไซมอนด์ เจ้าของหนังสือ "ไดฟ์ อิน สไตล์" กล่าวว่า ก่อนมาดำน้ำที่นี่เขารู้ดีว่า ม้าน้ำ และ กุ้งตัวตลก เป็นสัตว์ที่เจอตัวค่อนข้างยาก แต่วันแรกที่ไปดำน้ำบริเวณหาด Virador ของแหลมปาปากาโย เขาไม่เพียงเจอสัตว์ทั้ง 2 ชนิดที่ว่า แต่ยังพบสัตว์น้ำใต้ทะเลอีกมากมาย อาทิ  หอยเม่น ปลากระเบนนก ปลากระเบนปิศาจ ปลาไหลมอเรย์ ปลาไหลมอเรย์ลายเกล็ดหิมะ เต่าตาแดงหรือเต่าหัวฆ้อน และอื่นๆ อีกมากมาย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากใครได้ไปดำน้ำแถวๆ หมู่เกาะ  Bat Islands รับรองได้ว่าจะต้องเจอปลาฉลามหัวบาตรตัวใหญ่ในระยะประชิดอย่างแน่นอน

  

 

Soneva Fushi – สาธารณรัฐมัลดีฟส์ 

 

กล่าวกันว่าหากมีโอกาส (และมีเงิน) ควรเดินทางไปเยือนมัลดีฟส์สักครั้งในชีวิต เพราะหมู่เกาะชื่อดังนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศศรีลังกาแห่งนี้ เป็นหนึ่งในหมู่เกาะที่มีแนวโน้มว่าจะจมหายไปในทะเลเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งเป็นผลพวงของภาวะโลกร้อนนั่นเอง และสำหรับท่านที่ชื่นชอบการดำน้ำไม่ควรพลาดการแวะเยือนเกาะ Soneva Fushi ที่นอกจากจะมีรีสอร์ทเก๋ๆ ริมชายหาดแล้ว ยังมีแหล่งดำน้ำที่สวยงาม ซึ่งบรรดานักดำน้ำจะได้พบกับสัตว์ทะเลนานาชนิด อาทิ ทากเปลือย ปลากระเบนราหู ปลากบ และปลาหิน เป็นต้น 

 

Panjang Reef – สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหนึ่งในแหล่งดำน้ำดีที่สุดของเกาะโมโย ประเทศอินโดนีเซีย จะอยู่ห่างจากโรงแรมอมันวนาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งหากใครได้มาดำน้ำที่นี่ รับรองว่าเป็นต้องตื่นตาตื่นใจกับความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้น้ำที่ Panjang Reef (ถึงแม้ว่าจะเคยไปดำน้ำที่ แนวประการังใหญ่ หรือ Great Barrier Reef ในรัฐควีนสแลนด์ ประเทศออสเตรเลียมาแล้วก็ตาม) ชนิดที่เรียกว่าถ้าหากพกกล้องถ่ายรูปลงไปด้วย รับรองว่าเป็นต้องมึนงงเพราะไม่รู้จะเลือกโฟกัสที่จุดไหนดี ที่สำคัญแนวปะการังของที่นี่ยังเต็มไปด้วยปะการังแข็งที่อาศัยอยู่รวมกัน อย่างแน่นหนาในสภาพอุดมสมบูรณ์ และมีสีสันสดใส 

 

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะ สิมิลัน – อ. คุระบุรี จ. พังงา  ประเทศไทย 

 

คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากเกี่ยวกับ ความสวยงามของโลกใต้น้ำที่หมู่เกาะสิมิลัน เพราะที่นี่ขี้นทำเนียบแหล่งดำน้ำชื่อดังระดับโลกมานานและเป็นที่รู้กันว่า มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก ทั้งยังมีสัตว์น้ำนานาพันธุ์รวมทั้งปลาหายาก เช่น ปลาวาฬ ปลากระเบนราหู ปลาโลมา ปลาไหลมอเรย์ ฯลฯ และเมื่อมีการนำซากเครื่องบินลงไปปล่อยในทะเลเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของ สัตว์น้ำและแนวปะการัง จำนวน 5 ลำ ห่างจากชายหาดอมันปุรีรีสอร์ท ที่ จ. ภูเก็ตเพียง 2 ไมล์ (กว่า 3.2 ก.ม.) ก็ยิ่งทำให้พื้นที่ในแถบนี้มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 

 

แนวปะการังใหญ่ (Great Barrier Reef) – รัฐควีนสแลนด์ ออสเตรเลีย 


 

แนวปะการังใหญ่ เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นได้ทางอากาศ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางราว 345,000 ตารางกิโลเมตร ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลนานาชนิด อาทิ ปะการังชนิดอ่อนและชนิดแข็งกว่า 350 ชนิด ฟองน้ำ 10,000 ชนิด หอย 4,000 ชนิด ปลาดาวและทากเปลือย 350 ชนิด รวมทั้งปลาชนิดต่างๆ อีกกว่า 1,500 สายพันธุ์ กล่าวกันว่าต้องดำน้ำนับพันครั้งจึงจะชมความงามของแนวปะการังใหญ่ได้ทั้งหมด   จุดดำน้ำยอดนิยมของที่นี่ก็คือ บริเวณที่ชื่อว่า "cod hole" ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของปลาหมอทะเลยักษ์ที่มักออกมาต้อนรับนักดำน้ำอย่างเป็น มิตรในฐานะเจ้าบ้านที่ดีเสมอ 

 

Tikehau – ดินแดนเฟรนช์ โพลินีเซีย 

 

"Tikehau" เป็นเกาะปะการังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายในมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ห่างไปทางตอนเหนือของตาฮิติราว 340 ก.ม. แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวชมมากนัก  มิหนำซ้ำ ในบริเวณดังกล่าวยังมีโรงแรมเปิดให้บริการเพียงแห่งเดียว แต่การดั้นด้นเดินทางไปเยือนเพียงเพื่อดำน้ำก็ยังถือว่าสุดคุ้ม โดยเฉพาะการดำน้ำในจุดที่เรียกว่า "Shark Hole" ซึ่งนอกจากจะเป็นถิ่นอาศัยของปลาฉลามสีเทาหลายสิบตัวแล้ว ยังมีทุ่งปะการังที่สวยงามให้ชมอีกด้วย 
  
 

Sharm El-Sheikh – สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ 

 

"ชาร์ม เอล-ชีค" เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของแหลมไซไน ในประเทศอียิปต์ บางคนอาจแย้งว่าแหล่งดำน้ำดีที่สุดในในทะเลแดงอยู่ที่หมู่เกาะบราเธอร์ (อียิปต์) หรือไม่ก็ท้องทะเลที่ซูดาน แต่ที่ชาร์ม เอล-ชีค นักดำน้ำจะได้พบกับปะการังนานาชนิด และปลาหลากสายพันธุ์ชนิดที่เรียกว่าน้องๆ แนวปะการังใหญ่ของประเทศออสเตรเลียเลยทีเดียว 
 

Zighy Bay – รัฐสุลต่านโอมาน 

 

โปรแกรมดำน้ำทั้งหมดที่  Zighy Bay จะถูกจัดให้มีขึ้นในช่วงเช้า เนื่องจากบริเวณใต้น้ำเป็นพื้นที่ลาดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก จึงถูกแสงอาทิตย์สาดส่องแบบเต็มๆ ทั้งบนบกและใต้น้ำ ที่นี่มีแหล่งดำน้ำให้เลือก 26 จุด  รวมทั้งการดำตามกระแสน้ำและการดำน้ำในถ้ำ ส่วนที่พักในบริเวณ Zighy Bay (โรงแรมซิกซ์เซ้นส์เซส ไฮด์อะเวย์) ก็มีความสวยงาม แปลกตาและสร้างจากหิน ได้รับการออกแบบในสไตล์วิลเลจ รายล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางรถยนต์ 4×4, สปีดโบ๊ท และร่มร่อน (paraglide) 
 

Yucatan  Peninsula  – แม็กซิโก 

 

แหลม Yucatan เป็นบ้านของระบบนิเวศใต้น้ำที่มีความหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับนักดำน้ำทั้งที่มีประสบการณ์และเพิ่งเริ่มต้น บริเวณแหล่งดำน้ำที่มีชื่อว่า "New Reef" เหมาะสำหรับนักดำน้ำฝึกหัดที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ แต่ถ้าอยากเห็นปลาตัวใหญ่ๆ และเป็นผู้ที่มีความชำนาญต้องไปดำน้ำบริเวณที่เรียกว่า " Turtle Plain" ที่มีเนินผาใต้น้ำและมีกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง จึงเหมาะสำหรับนักดำน้ำที่ชื่นชอบความท้าทาย และรางวัลที่ได้ก็คือการได้พบกับปลากระเบนนกในระยะประชิด 

 

Wakaya – สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ 


 

"Wakaya" ก็เหมือนแหล่งดำน้ำดีที่สุดในโลกส่วนใหญ่ ที่แนวปะการังมีความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม ที่สำคัญยังมีการผสมผสานระหว่างปะการังแข็งและปะการังอ่อน และมีสัตว์น้ำชุกชุม 



--
 

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หน่อไม้... ป้องกันมะเร็งลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร






หน่อไม้... ป้องกันมะเร็งลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร 



หน่อไม้ ป้องกันมะเร็งลำไส้ ท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร

แก้กระหาย ขับปัสสาวะ ละลายเสมหะ บำรุงกำลัง แก้อาการร้อน

เพราะมีฤทธิ์เย็น ขับพิษใต้ผิวหนัง แก้โรคบิดเรื้อรัง ไม่เหมาะกับโรคเก๊าต์

โรคไตเสื่อม เนื่องจากจะทำให้กรดยูริกในร่างกายสูง


สรรพคุณของหน่อไม้

หน่อไม้ลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันอาการท้องผูก

ช่วยย่อยอาหาร เป็นสรรพคุณที่เห็นผลมาก เพราะหน่อไม้เป็นอาหาร

ที่ให้เส้นใยสูงจึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อย

ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือหรือสารพิษต่างๆ

เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่ แต่ถ้ามีกากใยอาหารมากๆ

กากใยอาหารเหล่านี้จะช่วยดูดน้ำและเพิ่มปริมาณ ทำให้กากอาหารมีน้ำหนักมาก

จะเคลื่อนออกสู่โลกภายนอกได้เร็ว กากใยอาหารจึงช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

แก้กระหาย ขับปัสสาวะ ละลายเสมหะ แก้ไอ บำรุงกำลังแก้อาการร้อนต่างๆ ได้ดี

เพราะมีฤทธิ์เย็นเช่นเดียวกับเห็ด ขับพิษใต้ผิวหนัง ขับผื่นหัดรวมถึงผื่นชนิดอื่นๆ

เพียงดื่มน้ำแกงที่ได้จากการต้มหน่อไม้ร่วมกับปลาตะเพียน

แก้โรคบิดเรื้อรังได้

นอกจากหน่อไม้สดจะมีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ตัวหน่อไม้ดองเอง

แม้จะไม่มีคุณค่าทางอาหาร แต่ยังมีคุณค่าแฝงอยู่อีกคือ จะมีแบคทีเรียในหน่อไม้ดอง

ที่ชื่อ คลอสทริเดีย เป็นแบคทีเรียที่ปนอยู่ในดิน เจริญเติบโตได้ดีในสภาวะไร้ออกซิเจน

เช่น ในอาหารจำพวกของหมักดองทั้งหลายและรวมทั้งอาหารกระป๋องที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการ

ทำลายแบคทีเรียอย่างถูกวิธี แบคทีเรียชนิดนี้มีพิษแต่มันก็มีประโยชน์ ซึ่งสำนักงานอาหารและ

ยา หรือ FDA ของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้นำแบคทีเรียนี้ไปผ่านกระบวนการแยกเอาสารพิษ

ออกแล้วทำให้เจือจาง เพื่อนำไปใช้ในการบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ โดยตั้งชื่อใหม่ว่า

โบท็อกซ์ (Botox) (โบท็อกซ์ ตัวเดียวกับ สารฉีดหน้าเด้งลดรอยเหี่ยวย่น)

คำเตือน:

หน่อไม้มีคุณค่าทางอาหารสูงในตัวของมันเอง ส่วนหน่อไม้ดองก็มีคุณค่าแฝง

แต่สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคบางชนิดแล้ว แพทย์ไม่แนะนำให้กิน คือโรคดังต่อไปนี้

ผู้ป่วยเป็นโรคเกาต์ ไม่ควรรับประทาน เพราะในหน่อไม้มีสารพิวรินสูง

ซึ่งสารตัวนี้อาจจะทำให้กรดยูริกที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์สูงขึ้น

ซึ่งกรดยูริกเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญของพิวรีน มีมากในเนื้อสัตว์

เครื่องในสัตว์ ถั่วต่างๆ และพืชผักอ่อนโดยเฉพาะหน่อไม้

ผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม โดยปกติกรดยูริกจะถูกขับออกทางปัสสาวะของคนเรา

หากร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมากเกินไปหรือไตขับยูริกได้น้อยลง เนื่องจากไตเสื่อมลง

กรดยูริกก็จะตกผลึกตามข้อ ผนังหลอดเลือด ไต และอวัยวะต่างๆทำให้เกิดอาการปวดข้อ

และโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น ข้อพิการ นิ่วในไต กระดูกพรุน เป็นต้น

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับหน่อไม้

คนไทยเรามักจะคิดว่าหน่อไม้มีแต่โทษเป็นของแสลง ถ้าไม่กินจะดีกว่า





กินหน่อไม้แล้วปวดข้อจริงหรือ

จริงๆ แล้วตัวหน่อไม้เองนั้นไม่ได้ทำให้ข้อเสื่อมหรือปวดข้อ แต่จะมีผลกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์

เท่านั้น ดังนั้นคนที่มีอาการปวดข้อจากสาเหตุอื่นๆ จึงกินหน่อไม้ได้ปกติ

คนเป็นเบาหวานห้ามกินจริงหรือ

การกินหน่อไม้นั้นไม่ได้มีผลกับระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เพราะฉะนั้นแม้เป็นเบาหวานก็กินได้


ผู้ป่วยเป็นโรคตับห้ามกินจริงหรือ

โรคตับในที่นี้มีได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากไวรัสตับอักเสบบี และอาการตับแข็ง

แต่แพทย์ยืนยันว่าการกินหน่อไม้ไม่มีผลต่อโรคดังกล่าว

เมื่อมีอาการตกขาวหรือระดูขาวให้งดกินหน่อไม้ จริงแล้วหน่อไม้หน่อไม้สดไม่มีผลกับอาการ

ผู้ที่มีอาการตกขาวก็ยังสามารถกินหน่อไม้สดได้ ควรเลี่ยงหน่อไม้ดอง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรจะกินอย่างพอดี ของทุกอย่างมี 2 ด้าน

หน่อไม้ก็เหมือนกัน สังเกตได้ว่า แกงหน่อไม้ หรือต้มเปรอะอันแสนอร่อยของร้านอาหารอิสาน

จะใส่หน่อไม้ในน้ำใบย่านางคั้น เพราะมีฤทธิ์แก้กันได้

เครดิต: สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด ภาพจากอินเตอร์เน็ต